เที่ยวเกียวโต1วันไปถิ่นกำเนิดชาเขียวของญี่ปุ่นที่Uji Cityแบบประหยัด

รู้หรือไม่ว่าชาเขียวที่เราดื่มกันอยู่ทุกวันนี้มีแหล่งกำเนิดมาจากที่ไหน? ชาเขียวมีถิ่นกำเนิดมาจากหลายๆหมู่บ้านในจังหวัดเกียวโตประเทศญี่ปุ่น ทั้ง Uji City, Joyo City, Yawata City, Kyotanabe City,Kizukawa City,Kumiyama Town, Ide Town, Ujitawara Town, Kasagi Town, Wazuka Town, Seika Town, Minaniyamashiro Village ซึ่งในวันนี้เราจะไปกันที่แหล่งเมืองแหล่งกำเนิดชาเขียวเมืองแรกทางตอนใต้ของเกียวโตเลยค่ะ คือเมืองอุจิ(Uji City)
       เมืองอุจิได้ถือกำเนิดไร่ชาแปลงแรกขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงยุคKamakura (ค.ศ.1185-1333) เมื่อประมาณ800ปีก่อน เริ่มจากการมีพระรูปหนึ่งชื่อ Myoeเดินทางมาจากจีนได้นำเมล็ดพันธุ์ชามาให้นับตั้งแต่นั้นมาจึงได้มีการเพาะปลูกต้นชา ต่อมาในช่วงยุคMuromachiชาเขียวเป็นที่นิยมในการดื่มช่วงเทศกาลมากขึ้น เมื่อเข้าสู่ยุคSengokuที่ซามูไรมีความรุ่งเรืองศาสนาเซนเริ่มมีอิธิพลมากขึ้นมีการคิดศิลปะพิธีชงชาขึ้นมาทำให้ชาเขียวมีราคาแพงขึ้นไปอีก แต่เมื่อยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนไปชาเขียวเริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่กว้างขึ้น ความต้องการทางการตลาดก็ทยานขึ้นแบบหยุดไม่อยู่การปลูกชาจึงเริ่มขยายพื้นที่ออกไปอย่างกว้าง อุจิเป็นเมืองแรกที่ได้รับหน้าที่ในการพัฒนากระบวนการการทำชาเขียวให้มีอร่อยกล่มกลอมมากขึ้นตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก การเก็บ การอบรวมถึงการทำชาให้กลายเป็นผงชาเขียวที่มีสีและมีกลิ่นแบบเอกลักษณ์ชาเขียวซึ่งในสมัยยุคนั้นเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ทำให้ผงชาเขียวมีราคาที่แพงมากๆ
นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้อุจิก็ยังคงเป็นเมืองแห่งชาเขียวที่ขึ้นชื่อเรื่องความหอมอร่อยแบบพรีเมี่ยมที่หาที่ไหนไม่ได้นอกจากแหล่งกำเนิดที่นี่เท่านั้น และยังเอาเอกลักษณ์ความหอมของชาเขียวใส่ลงในอาหารนานาชนิดที่ไม่ได้มีแค่น้ำชา แต่จะเห็นอยู่ในเกือบทุกเมนูของเมืองนี้เลยค่ะ ดังนั้นถ้าเรามาถึงอุจิทั้งทีเราต้องชิมอาหารชาเขียวให้ถึงที่สุดและคาดว่าน่าจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศแปลกใหม่ที่นี่ไม่มากก็น้อยแต่วันนี้โอคซังจำกัดงบประมาณที่ 3,000เยนเท่านั้น แบบนี้จะได้อะไรในเมืองนี้บ้างไปชมกันเลยค่ะ

วิธีเดินทางจากสถานีเกียวโต(Kyoto Station) ไปUji

จุดเริ่มต้นให้เราเริ่มต้นที่สถานีเกียวโต(Kyoto Station) ซื้อตั๋วรถไฟในราคา240ยน นั่งรถไฟสายNara  ขึ้นแพลตฟอร์มที่8 ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ15นาทีก็ถึงแล้วค่ะ
เที่ยวเกียวโต
ให้เราเดินขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปที่แพลตฟอร์มที่8เลยค่ะ
เกียวโตสเตชั่น
จากป้ายเราจะเห็นว่าแพลคฟอร์มที่8เขียนไว้เลยค่ะว่า for Inari, Uji,Nara
สถานีเกียวโต
ลงบันไดลงไปได้เลยค่ะ
Kyoto station
รถไฟจอดรอเราอยู่แล้วค่ะขึ้นกันไปได้เลย
kyoto
ที่นั่งแต็มแล้วแต่ไม่เป็นไรค่ะ โหนกันไปได้สบายมาก

บรรยากาศเมืองแห่งชาเขียวอุจิเป็นอย่างไร

เมื่อก้าวขาออกจากสถานีรถไฟบรรยากาศของเมืองอุจิค่อนต่างจากเกียวโตมากค่ะ อาจจะได้บรรยากาศความเก่าแก่ที่คล้ายกันแต่เมืองอุจิแห่งนี้มีสิ่งที่แตกต่างกับเกียวโตคือระหว่างทางที่เดินในเมืองจะอบอวลไปด้วยกลิ่นชาเขียวแต่ในขณะที่เกียวโตจะเป็นกลิ่นซุปมิโซะทำให้อุจิมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลมากๆโซนท่องเที่ยวกับสถานีรถไฟสามารถเดินถึงกันได้แบบสบายๆในเวลาไม่ถึง5นาทีเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวหลงอย่างแน่นอน
เรามาสังเกตุระหว่างทางที่เดินจะพบกับร้านอาหาร ร้านค้า คาเฟ่มากมายที่มีอาหารและสินค้าชาเขียวขายอยู่ ถ้าใครกินไปสัก1อย่างจะหยุดไม่อยู่อย่างแน่นอนโอคซังคือคนหนึ่งที่ไม่ชอบชาเขียวแต่ทริปนี้ชิมไปทุกร้านแฮปปี้สุดๆ บางร้านจะมีคอร์สสอนชงชาด้วยนะใครที่อยากลองเชิญได้เลยค่ะจะต้องถูกใจใครหลายคนแน่นอน แม้กระทั่งราเมนชาเขียว อุด้งชาเขียว ที่เมืองนี้ก็มีแปลกไม่เหมือนใครจริงๆค่ะเชื่อแล้วว่าเป็นเมืองต้นตำหรับชาเขียวแท้
เที่ยวเมืองชาเขียว
ทางเข้าถนนคนเดินชาเขียวจะอยู่ข้างๆกับเสาเมืองด้านซ้ายค่ะจะเป็นตรอกเล็กๆ
อุจิ
ทางเข้าหน้าตาแบบนี้เลยค่ะ คนเยอะมากๆ
ชาเขียวญี่ปุ่น
ร้านอาหารเซตร้านแรกค่ะ ร้านแถวๆปากทางเข้าราคาค่อนข้างสูงค่ะ เราอย่าเพิ่งตกหลุมพรางค่ะเพราะร้านด้านในมีอีกเยอะค่ะ ราคาจะเริ่มถูกลงไปเรื่อยๆ
เที่ยวเมืองชาเขียวเกียวโต
ร้านขนมชาเขียวมีทั้งโมจิ วาราบิ โดรายากิ ไอศครีม และอีกมากมาย
ชาเขียวญี่ปุ่นเกียวโต
ของหวานแบบเต็มๆ
เที่ยวเกียวโตด้วยตัวเอง1วัน
ใบชาอบแห้งในแบบกรรมวิธีของเมืองอุจิที่มีชื่อเสียงอันนี้แนะนำมากๆสำหรับเป็นของฝากค่ะ
เที่ยวเกียวโตด้วยตัวเอง2วัน
โซบะ!! ชาเขียว โอ้โหเดินมาเรื่อยๆเริ่มจะเจอเมนูแปลกๆที่ไม่เคยลองแล้วค่ะ
ของกินในเมืองนี้ละลานตาจนโอคซังต้องมาจำกัดราคาในการกินในเมืองนี้แล้วหล่ะถ้าไม่จำกัดไว้มีหวังกินไปเรื่อยๆเงินในกระเป๋าจะหมดแบบไม่รู้ตัวนะคะเพราะน่ากินไปหมดทุกอย่างเลย แล้วเราก็มาหยุดกันที่เพิงอาหารที่มีคนรุมล้อมอยู่เยอะมากค่ะมุดตัวเข้าไปซื้อกันเลยแนะนำที่เที่ยวญี่ปุ่น
เพิงขายของกินตรงนี้มีที่นั่งเล็กๆ
สถานที่ท่องเที่ยวเกียวโต
ราคาอาหารค่ะไม่แพงเลยค่ะ เด็กๆนักเรียนสามารถซื้อได้แบบสบายๆ

ทานเมนูชาเขียวแบบประหยัด

เมนูแรกของวันนี้คือ เกี๊ยวซ่าชาเขียว ราคา400円(120บาท)
ที่เที่ยวเกียวโต
เมนูแรกวันนี้หน้าตาเป็นอะไรที่แปลกประหลาดสุดๆแต่พอลองชิมก็เป็นรสชาติของเกี๊ยวซ่าธรรมดานี่หล่ะค่ะ แต่ได้อารมณ์แบบทานแล้วสุขภาพดีแบบเขียวๆ ส่วนผงชาเขียวที่โรยมาให้ด้านข้างนั้นอย่าจิ้มเยอะนะคะขอเตือนเพราะมันคือเกลือ!จิ้มไปเต็มที่เค็มหนักมาก
เมนูที่สองทาโกยากิชาเขียว350円(105บาท)
ที่เที่ยวญี่ปุ่น
ทาโกยากิชาเขียวแบบเนื้อแป้งนุ่มไร้ซึ่งความกรอบ ปลาหมึกหนึบหนับมากและจากรูปถึงแม้ว่าจะราดซอสชาเขียวมาด้วยทำให้ได้กลิ่นชาเขียวแบบอ่อนๆแต่โดยรวมมันก็รสชาติทาโกยากิปกตินี่แหล่ะค่ะ
เมนูที่สามไอศครีมเนื้อนุ่มซอฟครีมชาเขียว290円(90บาท)
สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น
ไอติมชาเขียวซอฟครีมนุ่มๆ โรยหน้าด้วยผงชาเขียวด้านบน อร่อยมากเอาคะแนนไปเต็มสิบ เนื้อนุ่มไม่ขมและไม่หวานจนเกินไป คิดว่าเด็กๆก็น่าจะทานได้ค่ะ
เมนูสุดท้ายล้างปากด้วยน้ำชาเขียวเย็นๆ200円(60บาท)
แนะนำที่เที่ยวเกียวโต
น้ำชาเขียวเย็นราคา 200เยน! ราคาถูกมากลองชิมเข้าไปหวานมากๆค่ะ ปกติคิดว่าคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยดื่มน้ำชาที่มีรสชาติหวาน แต่เมืองอุจินี้มีบริการขายน้ำชาแบบหวานด้วยนะแบบนี้ถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนจะสดชื่นมากๆค่ะ
กินไปเพียง4อย่างอิ่มก็มากค่ะ แต่เดี๋ยวก่อนงบประมาณของเรายังไม่หมดแต่ถ้าจะให้เดินอยู่แต่ในซอยของกินนี้ก็คงไม่ไหวเราเดินต่อไปด้านในเลยค่ะ ทางเดินนี้จะทอดยาวไปสู่วัดประจำเมือง “วัดเบียวโดอิน Byodoin : 平等院”

เที่ยววัดเบียวโดอิน(Byodoin,Uji,Kyoto) ค่าเข้าชม600 เยน

วัดเกียวโต
วัดเบียวโดอินเป็นวัดที่สร้างในปี1052โดยตระกูลฟุจิวาระ ความไม่ธรรมดาของวัดแห่งนี้คือด้านในจะมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษางานศิลปะโบราณของญี่ปุ่นไว้มากมายโดยจะมีความเป็นศาสนาพุทธแบบเข้มข้นมากๆ การออกแบบอาคารและสิ่งปลูกสร้างก็ได้มีการออกแบบอาคารหลักไว้กลางน้ำเชื่อมทางเข้าด้วยสะพานสีแดง ออกแบบสวนให้มีความทันสมัยในยุคนั้นด้วยการผสมศิลปะแบบยุคเฮอันเข้าไป(ยุคที่ศิลปะแบบจีนกำลังรุ่งเรือง) เมื่อกาลเวลาผ่านไปจนมาถึงปัจจุบันวัดนี้ก็ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปโดยปริยาย แบบนี้ใครที่มาเที่ยวถึงเมืองอุจิแล้วต้องห้ามพลาดที่นี่เด็ดขาดค่ะ เป็นเรื่องที่เพลิดเพลินสุดๆเพราะได้เดินย่อยอาหารในวัดไปด้วยเลย

คาเฟ่ชาเขียวริมน้ำกับบรรยากาศสุดโรแมนติก

หลังจากที่เราออกจากวัดกันแล้วเราก็เดินเท้ากันไปต่อเพราะอยากสำรวจเมืองนี้เพิ่มเติมจนในที่สุดก็เจอกับคาเฟ่ริมน้ำเรียงรายอยู่ระหว่างทางมากมายเลยค่ะในวันที่โอคซังมาเที่ยวเป็นช่วงที่ฝนตกทำให้ร้านค้าหลายร้านอาจจะปิดอยู่แต่ถ้าในวันที่อากาศปกติร้านค้าเหล่านี้น่าจะเปิดตัวกันแบบครึกครื้นถ้าลองมองไปที่คลองจะแอบเห็นว่ามีเรืออยู่ด้วยนะคะในช่วงเทศกาลน่าจะมีบริการค่ะ

สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ตอนที่เดินไปมีสะพานกี่อันข้ามไปทุกอันเลยค่ะ

สถานที่ท่องเที่ยว

เจอเข้ากับคลองใหญ่ที่บรรยากาศโรแมนติกมากค่ะ

สถานที่ท่องเที่ยวของญี่ปุ่น

ด้านขวาจะเห็นว่ามีคาเฟ่ตั้งอยู่ ต้องลองเข้าไปทานอะไรสักอย่างแล้วค่ะ

เที่ยวญี่ปุ่น1วัน

เมนูของภายในร้านจะไม่ต่างจากร้านค้าด้านหน้ามากนักค่ะจะวนอยู่กับไอศครีมชาเขียว

เที่ยวเกียวโต2วันขึ้นมายังชั้น2ของร้านแล้วที่นั่งยังว่างอยู่เยอะเลยค่ะ

เที่ยวญี่ปุ่น

นั่งพักผ่อนชมความสงบของเมืองนี้แบบชื่นใจมาก

เที่ยวเกียวโต2วัน

ไอศครีมสองสีที่สั่งมาแบ่งกันทานกับคุณผู้ชายที่มาด้วยอิ่มสุดๆคิดว่าจะกินไม่หมดแต่ดันอร่อยมากเกลี้ยงไมเหลือ

เที่ยวญี่ปุ่น1วัน

ถ้าใครไม่ชอบวิวแม่น้ำสามารถย้ายมานั่งที่วิวต้นไม้ได้เช่นกันค่ะร่มรื่นไปอีกแบบ

นั่งๆไปสักพักเวลาผ่านไปเร็วมากค่ะได้มาเดินเที่ยวในเมืองอุจิไม่กี่ชั่วโมงก็ตกหลุ่มรักเมืองนี้เข้าแบบเต็มๆอยากจะลองเดินเที่ยวต่อและหาที่พักดีๆสักที่ในเมืองนี้ค้างสักคืนแต่ก็ต้องรีบกลับแล้วหล่ะค่ะ ถ้าใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวในเกียวโตในบรรยากาศแบบโรแมนติกได้ลิ้มรสชาเขียวแท้แบบต้นตำหรับ เดินทางสะดวกเมืองอุจิคือที่สุดเลยค่ะ

สรุปค่าใช้จ่าย

ค่ารถไฟไป-กลับ Kyoto station-Uji station 240×2=480円

ค่าอาหาร 400+350+290+200+600=1,840円

ค่าเข้าวัด 600円

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2,920円 (900บาท)


ถ้าเราเที่ยวทุกครั้งและวางแผนจำกัดงบประมาณในการเที่ยวแต่ละครั้งจะทำเราประหยัดไปได้มากๆเลยค่ะ เพราะบางครั้งทั้งของฝากของกินล่อหัวใจให้เราซื้อเหลือเกิน ทุกครั้งที่ใครต้องเดินทางอย่าลืมวางแผนจำกัดงบประมาณในการเที่ยวด้วยนะคะ

แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ มาตะเน้

 

COMMENTS