เสาแดงๆจะไว้ใจได้กา ความรู้สึกแบบแดงๆจะแล่นเข้าหัวมาทันทีเมื่อเราได้เดินทางมาถึงสถานี Inari โดยรถไฟJRสายNara เพราะสีแดงที่แดงตั้งแต่สถานีรถไฟลามไปจนถึงจุดหมายปลายทางอันน่าดึงดูดใจ เสาสีแดงเป็นพันต้นที่เรียงซ้อนกันคล้ายอุโมงค์ให้ความรู้สึกลึกลับแต่ชวนหลงใหลที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีคือ Fushimi Inari Shrine (伏見稲荷大社) คนไทยจะรู้จักในชื่อ “ศาลเจ้าเสาแดง” หรือ”ศาลเจ้าจิ้งจอกแดง” ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริไม่ได้มีแค่ในเกียวโตที่เดียวนะคะมีอยู่ทั่วทั้งประเทศ แต่เห็นว่าที่สวยที่สุดที่เคยเห็นมาคงหนีไม่พ้นสาขาเกียวโตแห่งนี้ สำหรับใครที่เที่ยวเกียวโตตะวันออกกันมาแล้ว[ที่เที่ยวTop7ของเกียวโตตะวันออกฝั่งวัดน้ำใสและรอบๆเที่ยวได้ใน1วัน[แนะนำ]]ก็สามารถเที่ยวศาลเจ้าฟูชิมินี้ได้เช่นกันนะคะถึงแม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าอยู่ทางตอนใต้แต่ก็อยู่แทบจะติดกันกับที่เที่ยวโซนเที่ยวตะวันออกด้วยค่ะ ใครยังไม่เคยมาต้องมากันแล้วหล่ะ เที่ยวเกียวโตทั้งทีจะพลาดที่สวยๆแบบนี้ได้ไง
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริอยู่ที่ไหน
ที่มา: google map
การเดินทางนั้นไม่ยากอย่างที่คิด หากเดินทางมาจากโอซาก้านั่ง JR มาลงที่สถานีเกียวโต(Kyoto Station)เปลี่ยนสายไปJR Nara Line ไปลงที่สถานี Inari แบบชิลๆก็ได้แล้ว แล้วไม่ต้องกลัวว่าถึงสถานีInariปลายทางแล้วจะหลง เพราะออกมานอกสถานีก็เจอกับศาลเจ้าใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่ด้านหน้าเห็นแบบชัดๆเต็มสองตาไม่ต้องเดินไปไหนให้ไกล
เดินออกมาจากสถานีแบบงงๆก็เจอกับซุ้มเสาโอริอิอันใหญ่อยู่หน้าประตูรอเราอยู่แล้ว
ก่อนเข้าไปด้านในทำการล้างมือล้างปากสักหน่อยเพื่อชำระให้สะอาดก่อนพบเทพเจ้านั่นเอง
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริปิดกี่โมง
อ้ะๆ คิดว่าศาลเจ้าฟูชิมิแห่งนี้จะปิดกี่โมงกันนะ เอาเป็นว่าเปิดกันจนกลางคืนดึกดื่นค่ะ ไม่มีเวลาปิดค่ะคุณขาถ้าคิดว่ากล้ามาตอนค่ำมืดก็มาไม่มีใครว่าค่ะแต่อาจจะดูหลอนๆนิดหน่อย ใครอยากถ่ายรูปที่นี่ให้สวยๆแนะนำให้มาในช่วงบ่ายๆให้แสงลอดระหว่างช่องเสาจะสวยมากๆ แต่ถ้าใครอยากได้ภาพแบบแนวดาร์กๆมาตอนมืดเลยก็อย่าลืมพกไฟฉายขยายส่วน เอ้ย ไม่ใช่ ไฟฉายธรรมดานี่หล่ะ เดี๋ยวจะสะดุดก้อนหินล้มเป็นได้ เห็นมีคนญี่ปุ่นชอบมาถ่ายรูปที่นี่ในเวลากลางคืนกันอยู่บ่อยๆบ้างก็ว่าเจอผีกันด้วย จะเจอไม่เจออยู่ที่ท้าพิสูจน์แล้วค่ะ
ภาพนี้ถ่ายที่เวลาประมาณ5โมงเย็นค่ะ ฟ้าครึ้มแบบในจะตกอีกด้วยนะ
เสาโทริอิสีแดงเหล่านี้มาจากไหน ทำไมมีเยอะจัง
เห็นเสามีเยอะๆแบบนี้เกิดมาจากแรงศรัทธาของคนชาวเกียวโตที่ร่วมกันบริจาคสร้างเสาโทริอิแบบมุ่งมั่นสุดๆจนมีเสาหลายพันต้นทอดยาวไปจนสุดบนเขาและยาวลงมาคลุมพื้นที่กว่า870,000ตารางเมตร จนปัจจุบันนี้ถ้าเราอยากบริจาคสร้างเพิ่มก็ทำได้นะคะ เงินเหลือๆลองบริจาคกันดูราคาเบาๆที่ต้นละ400,000-1,000,000เยนเพียงเท่านั้น บริจาคแล้วจะมีชื่อเราเก๋ๆติดที่เสาเป็นอนุสรณ์ไว้ด้วยนะ โอคซังเห็นราคาได้แต่ปาดน้ำตาและขอชมความงามอย่างเดียวก็พอ 稲荷 稲
ตามความเชื่อเสาเหล่านี้เปรียบเสมือนประตูวิญญาณ!(ประตูนรกนั่นแหล่ะ) เดี๋ยว!นั่นมันในการ์ตูนอานิเมะแต่ทฤษฎีนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีจริงเพราะคนญี่ปุ่นบางคนก็เชื่อแบบนั้นจริงๆ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริไทชะถูกสร้างตั้งแต่ปี708(ยุควาโดะ) กี่ปีมาแล้วก็ลองนับกันดูค่ะก่อนโอคซังจะเกิดเป็นพันปีเลยค่ะ ตำนานเล่าว่าจักพรรดิอิรุกุโนะฮาตาโนะกิมิ ได้ยิงเค้กข้าวออกไปแล้วเจ้าเค้กข้าวได้กลายร่างเป็นหงส์บินไปเกาะบนยอดเขาซึ่งเป็นการบอกเหตุมงคลถึงความงอกงามอุดมสมบูรณ์ของข้าว(นี่ถ้าเป็นในไทยน่าจะมีหงส์หลายตัวเลยเพราะข้าวดีดินดีเหลือเกิน)จึงเป็นที่มาของคำว่าอินา (Ina) “稲”ในภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึง ข้าว นั่นเอง นอกจากนี้สีแดงของเสาก็แทนถึงความอุดมสมบูรณ์
หากว่าใครกลัวจะเมื่อย … ก็คงต้องเมื่อยค่ะ เพราะมันยาวไกลมากจึงๆใครที่เดินขึ้นไปถึงยอดเขาและเดินลงมาได้นี่น่านับถือมากๆ ดูจากแผนที่สิคะกว่าจะเดินมาถึงตรงนี้ก็อาศัยพลังขาสุดๆใครไปไหวจงไปต่อค่ะ
ถ้าเห็นเจ้าจิ้งจอกสุดน่ารักเหล่านี้ไม่ต้องแปลกใจค่ะเพราะเจ้าจิ้งจอกคือเทพรับใช้ของเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์เราจึงเห็นจิ้งจอกสองตัวยืนต้อนรับอยู่หน้าเสาหรือตลอดตามทางในศาลเจ้าเลยค่ะ แต่เอ้ะสังเกตดูดีๆเห็นข้างในปากคาบอะไรไว้ด้วยนะ
สุนัขจิ้งจอกหน้าประตูเรียกว่าโรมอน(楼門)ถูกสร้างทีหลังในปี1589ยุคเท็นโชโดยฮิเดโยชิโทโยโตมิ ได้ออกแบบจิ้งจอก2ตัว ตัวหนึ่งคาบกุญแจ ส่วนอีกตัวคาบแก้วอัญมณี ส่วนจิ้งจอกตัวอื่นๆในศาลเจ้าอาจจะคาบอย่างอื่นบ้างแล้วแต่เขาออกแบบค่ะใครที่มาก็ลองสังเกตกันดูนะว่าจิ้งจอกคาบอะไรกันอยู่บ้าง
หากเราเดินลอดผ่านเสาแดงๆนับพันขึ้นมาแล้วได้ครึ่งทางเราจะเจอกับอาคารนมัสการที่เต็มไปด้วยกลิ่นธูปและผู้คนที่ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ภายในผู้ที่เดินผ่านเสาหลานพันต้นขึ้นมาแล้วเท่านั้นถึงจะได้เข้ามานมัสการ โดยส่วนใหญ่คนเดินมาถึงจุดนี้ก็จะเดินกลับลงไปกันค่ะไม่ค่อยมีคนเดินขึ้นไปต่อสักเท่าไรแต่ถ้าใครอยากเดินก็ไม่ว่ากันจะได้ภาพที่ไร้ซึ่งผู้คนสุดๆ (ยิ่งสูงคนยิ่งน้อย)
บางคนก็เขียนคำอธิษฐานขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน(ขึ้นชื่อเรื่องความสำเร็จด้านการงาน ธุรกิจ)หรือนักเรียนก็ขอให้ประสบความสำเร็จด้านการเรียน(แบบนี้ก็ได้หรอ) เขียนใส่แผ่นไม้แล้วเอาแขวนไว้ ก็สวยดีนะเออ
บางคนก็ยืนถ่ายรูปสวยๆกับแผ่นไม้อธิษฐานแบบชิคๆ(แม่โอคซังเอง)ดูจะร่าเริงเป็นพิเศษ
ค่าเข้าชมฟรีไหม
ฟรีค่ะ บอกเป็นอีกพันๆครั้งว่าฟรี ไปกันเถอะคุ้มค่าอยู่ได้เกือบทั้งวัน
หอสวดมนต์
หอสวดมนต์ที่เริ่มสวดตั้งแต่8:30น.ไปจนถึง16:30น.(เข้าได้ถึง16:00น.เท่านั้น) ที่หอสวดมนต์นี้จะมีพระมาสวด หรือในบางทีก็มีการประกอบพิธีกรรมแบบชินโตที่โอคซังไม่เข้าใจ แต่ที่แน่ๆคือบริเวณนี้ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาดยิ่งในช่วงที่ทำพิธีจะมีเจ้าหน้าที่มาเดินตรวจห้ามถ่ายภาพเลยหล่ะค่ะ
เงยหน้าถ่ายหลังคามาค่ะสวยจริงๆเจ้าหน้าที่ไม่ว่าค่ะ
ถนนคนเดินในศาลเจ้าบันเทิงใจ
คิดอยู่ว่าจะลดน้ำหนักก็ทำไม่ได้เมื่อต้องเดินในถนนคนเดินในศาลเจ้า ใครไม่ซื้อของกินให้รู้ไปไม่รู้กระเพาะทำด้วยหินหรืออะไร แต่กระเพาะโอคซังแค่เนื้อบางๆเท่านั้นไม่สามารถต้านทานไหวค่ะ ดูสิหิวจนถ่ายรูปเบลอเพราะเลือกอาหารอยู่
ไก่ย่างไม้ยักษ์ขนาดแบบกินอิ่มทั้งครอบครัว แล้วพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินแล้วขอกลับบ้านไปพักผ่อนแช่น้ำสบายๆเพื่อออกมาเที่ยวใหม่ในวันพรุ่งนี้ก่อนนะคะ
แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ
มาตะเน้
COMMENTS