อาหารขึ้นชื่อของเกียวโต คืออะไร

เราต่างคนรู้กันดีว่าชาวญี่ปุ่นในแต่ละจังหวัดมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง อาหารเองก็เช่นกันในแต่ละจังหวัดก็จะมีของดีของเด่นที่อร่อยๆมากๆและห้ามพลาดที่ได้ลิ้มลอง สำหรับเกียวโตเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการท่องเที่ยวไม่เป็นรองใคร อาหารก็อร่อยไม่แพ้ที่ไหนเหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่เที่ยวเกียวโต หรือเพื่อนๆของโอคเวลามาเที่ยวที่นี่ก็จะได้ยินคำถามเดิมๆเสมอคือเที่ยวเกียวโตกินอะไรดี แนะนำร้านอาหารหน่อยสิ วันนี้โอคซังจึงจะมาตีแผ่ถึงเรื่องอาหารแบบดั้งเดิมและขึ้นชื่อมากๆของชาวเกียวโตกันค่ะ ใครที่มาถึงเกียวโตแล้วจะได้บอกกับใครๆได้ถูกว่าได้ลองอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดนี้มาแล้วนะจ้ะ

ตัวอย่างอาหารตามฤดูกาล

ด้วยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีฤดูกาลชัดเจน พืชผลการเกษตรก็เช่นกันหากกินถูกต้องตามฤดูกาลแล้วหล่ะก็ จะอร่อยขึ้นเป็นทวีคูณเชื่อโอคค่ะลองมาแล้ว

ฤดูใบไม้ผลิ

อาหารขึ้นชื่อเกียวโต

Kyo Takenoko  หรือหน่อไม้(กลางเดือนมีนาคม-ต้นเดือนพฤษภาคม) เป็นส่วมผสมหลักในช่วงใบไม้ผลิของชาวเกียวโต ใช้ทำอาหารมื้อเย็น ใช้ทำเท็มปุระ สลัด และหุงพร้อมข้าว

Kyo Fuki หรือ บัตเตอร์เบอร์ (เดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม) เอาจริงๆไม่คุ้นเลยกับพืชอันนี้ พืชชนิดนี้เป็นพืชตระกูลเดียวกับทานตะวันช่วยลดอาการไมเกรนด้วยนะคะ ใช้ทั้งส่วนราก ใบ ดอกในการทำอาหารส่วนใหญ่จะใช้วิธีต้ม(อารมณ์ผักลวกเมืองไทยแต่น้ำจิ้มแซ่บไม่เท่า)

ฤดูร้อน

อาหารขึ้นชื่อเกียวโต

Kamo Nasu หรือมะเขือม่วง (เดือนพฤษภาคม-กันยายน) สำหรับคนเกียวโตคิดว่ามะเขือม่วงคล้ายกับผลไม้ที่มีความฉ่ำหวานข้างใน นิยมนำมาใส่ในซุปมิโซะพร้อมเต้าหู้ ทำให้ซุปโซะหวานมากๆ

Shishigatani Kabocha หรือฟักทอง (เดือนกรกฎาคม-กลางสิงหาคม) ถ้าใครเคยทานฟักทองของญี่ปุ่นโดยเฉพาะในหน่อร้อนเกียวโตจะลืมฟักทองที่เคยทานมาทั้งชีวิตเลยค่ะเพราะหวานมันสุดๆ โอคซังคือหนึ่งคนที่ไม่ชอบฟักทองมากๆแต่ยอมแพ้และทานฟักทองของที่นี่ได้ นิยมนำมาต้ม ผัด หรือทำเป็นเทปุระค่ะ

Hamo หรือปลาไหล (เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม) ถ้าเป็นจังหวัดอื่นจะมีปลาไหลให้ทานกันอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับเกียวโตปลาไหลถือว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากแต่เมื่อถึงฤดูนี้กลับได้รับความนิยมในการทาน โดยชาวเกียวโตจะใช้วิธีการนึ่งเพื่อทานค่ะ

ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแดง หรือฤดูใบไม้ร่วง

อาหารขึ้นชื่อเกียวโต

Tamba Kuri หรือเม็ดเกาลัด (ต้นเดือนกันยายน-ตุลาคม)นิยมนำมาหุงพร้อมกับข้าวทำให้ได้ข้าวสวยเกาลัดอะไรประมาณนั้นค่ะ

Kujonegi หรือต้นหอม (ตลอดปี)แหมพอนึกถึงต้นหอมที่ไทยเรามีเกลื่อนกลาดมากค่ะมองไปทางไหนก็เจอ ที่ญี่ปุ่นเองก็เช่นกันแต่ราคาและรสชาติต่างกันมาก ต้นหอมแบบไทยจะมีความเผ็ดมากกว่า แต่ต้นหอมญี่ปุ่นมีความหวานมากกว่า  ถึงแม้ว่าต้นหอมจะมีขายอยู่ตลอดปีแต่กลับได้รับความนิยมในการกินคือช่วงใบไม้ร่วง เพราะถูกเอามาใส่ในซุปมิโซะนั้นเองช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นชาวเกียวโตต้องการความอบอุ่นค่ะ

Sabasushi หรือซูชิหน้าปลาซาบะ (ตลอดปี) แต่ที่พลาดไม่ได้ในเดือนนี้เพราะซูชิหน้าปลาซาบะถูกนพมาเป็นตัวชูโรงชายในช่วงเทศกาล Jidaiในเดือนตุลาคมของชาวเกียวโตนั่นเอง

ฤดูหนาว

อาหารขึ้นชื่อเกียวโต

Shogo-in Kabu หรือหัวผักกาด(เดือนพฤศจิกายน- กุมภาพันธ์) ในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ชาวเกียวโตนิยมทำเป็นซุปหัวไชเท้าหรือ หัวไชเท้าดองก็อร่อยมากๆ

Kintoki Ninjin หรือแครอท (ต้นเดือนพฤศจิกายน-มกราคม) แครอทของญี่ปุ่นหวานอย่าบอกใคร โดยเฉพาะแครอทในเกียวโตจะเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีสีส้มเข้มจนเกือบแดงโดยแครอทจะนิยมนำมาทำอาหารช่วงปีใหม่แบบสุดๆ

Yodofu หรือเต้าหู้ต้ม (ตลอดปี) เต้าหู้ต้มก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ขึ้นชื่อตลอดปีของเกียวโตมากๆ แต่จะเป็นที่นิมยมมากในช่วงหน้าหนาวเพราะใส่ซุปทานอุ่นๆแล้วจะอร่อยเป็นพิเศษ

ควรกินอะไรก่อนเป็นอันดับแรก คิดไม่ออก?

หากพูดถึงเกียวโตสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างแรกที่ทุกคนจะนึกออกรวมถึงตัวโอคซังเองด้วยก็คือแผ่นฟองเต้าหู้นุ่มๆ ที่เรียกว่าYuba และรองลงมาคืออาหารจำพวกผักต่างๆ ดังนั้นไม่ว่ายังไงแล้วต้องหาร้านที่มีผักและแผ่นฟองเต้าหู้ให้เจอกับร้านที่เรียกว่า Obansai

แหล่งร้านอาหารชั้นเลิศของเกียวโตอยู่ไหน

เกียวโตคือเมืองที่มีเสน่ห์ร้านอาหารมีอยู่ทั่งจังหวัดก็จริงแต่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆหากอยากตะลุยกินโอคซังแนะนำให้เข้าหาร้านอาหารในตัวเมืองจะสะดวกและมีทางเลือกให้มากกว่าย่านชนบทห่างไกล เช่นย่านกิอง(Gion)อันเลื่องชื่อเรื่องความเก่าแก่ ย่านShijo kwaramachi ที่รายล้อมด้วยถนนชอปปิ้งสุดชิค หรือจะไปพักผ่อนคลายกับบรรยากาศดีๆที่ริมแม่น้ำ Kamokawa ก็ดีไม่น้อย

ร้านอาหารในเกียวโตแพงแน่ๆเลย!

ร้านอาหารส่วนใหญ่ในเกียวโตจะเริ่มเปิดในเวลากลางวัน ราคาเริ่มต้นประมาณ3,000เยน(900บาท) ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดมาเป็นเซตแบบสายกินไม่ยั้งหรือแม้แต่เฮลตี้จะต้องพึงพอใจ ราคา3,000เยนถือว่าไม่แพงเลยนะคะ ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ทานอาหารแบบเกียวโตสไตล์แท้ๆโอคซังคิดว่าคุ้มค่าคุ้มราคาค่ะ แต่ถ้าให้ทานทุกวันก็คงไม่ไหวเหมือนกันนะ

ร้านอาหารในเกียวโตมีกี่แบบ?

ร้านอาหารในเกียวโตแบ่งเป็น 2แบบใหญ่ๆด้วยกันคือ

1.ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ที่เกิดจากเซฟใหม่ๆมากฝีมือตั้งใจเปิดร้านสร้างสรรค์อาหารทั้งแบบญี่ปุ่นแท้ๆหรือแบบฟิวชั่นก็มี เน้นการตกแต่งร้านแบบใหม่แบบเก่าผสมผสานกัน

2.ร้านอาหารแบบบ้านเก่าโบราณหรือโอคซังขอเรียกว่า”ตึกแถวญี่ปุ่น” ที่ยังคงรักษาความเก่าแก่ดั้งเดิมไว้ทั้งหมดทั้งอาหาร พ่อครัว มีการสืบทอดตำนานอาหารจากรุ่นสู่รุ่นนานมากกว่าร้อยปีก็มี หรือตึกแถวญี่ปุ่นโบราณเหล่านี้บางร้านได้ถูกรีโนเวทข้างในเป็นทั้งร้านอาหารอิตาลี ฝรั่งเศส คาเฟ่ ร้านไอติม อีกมากมายค่ะ แต่โดยรวมภาพลักษณ์ก็ยังคงมีความเป็นบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณเกียวโตสไตล์มากๆ

สรุปเที่ยวเกียวโตแล้วควรกินอะไรในเวลาไหนดีไปเชคกันเลย!

เต้าหู้ต้ม Yudofu

เป็นอาหารที่สามารถทานได้ทุกฤดูอย่างที่ได้บอกไปแล้วข้างต้น แต่เราจะมาลงลึกกันอีกสักหน่อย ที่เต้าหู้ต้มเป็นอาหารอันดับหนึ่งที่แนะนำให้หลายๆคนไปทานเพราะเต้าหู้ต้มในสมัยก่อนถือว่าเป็นขั้นสูงเพื่อสุขภาพที่ได้รับการปรับปรุงสูตรจากในวัดญี่ปุ่น(ไม่ใช่ในวังนะคะอย่าเข้าใจผิด) เป็นอาหารที่เรียบง่ายเสิรฟพร้อมกับเซตผักเพื่อสุขภาพพร้อมๆกับชมสวยสไตล์zenในวัด ดังนั้นการทานอาหารในเซตเต้าหู้ต้มจึงเป็นเหมือนการผ่อนคลายจิตใจไปด้วยใช้ว่าลามากกว่า1ชั่มโมงแน่ๆ ดังนั้นใครที่กำลังวางแผนทานอาหารพร้อมชมสวนก้วยแล้วจะต้องเผื่อเวลากันให้ดีๆนะคะ

ทานได้ในเวลากลางวัน, เย็น

ข้าวดง ราเมง และโซบะ

ก๋วยเตี๋ยวแบบญี่ปุ่นมีความพิเศษที่ตัวเส้นและน้ำซุปที่แต่ละร้านมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนอาหารจำพวกข้าวหน้าหมู​ ไก่ ไข่ต่างๆในชามลักษณะกลมทางญี่ปุ่นจะมีลงท้ายด้วยคำว่าดง(don)ถือว่าเป็นอาหารหนักอิ่มท้อง มีความหลากหลาย ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็เหมือนกับอาหารจานด่วนที่ไม่ต้องเสียเวลารอนานสั่งแล้วก็ได้ทานเลย

ทานได้ในเวลากลางวัน, เย็น, ค่ำ

อาหารสไตล์Obanzai

อาหารสไตล์Obanzaiคืออาหารจากร้านโฮมเมดสไตล์โฮมสเตที่เราสามารถเข้าไปนั่งทานผ่อนคลายได้เรื่อยๆสามารถนั่งคุยกับเจ้าของร้านได้ด้วย ซึ่งร้านแบบนี้มีให้เห็นอยู่มากในเกียวโตค่ะ เราจะได้เพลิดเพลินกับอาหารหลากหลายที่ทางร้านจัดให้ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเน้นผักและเต้าหู้เป็นส่วนประกอบอีกเช่นเคย จนมีคนหลายคนบอกว่า หากอยากหุ่นดีต้องทานอาหารแบบ Obanzai

ทานได้ในเวลาเย็น, ดึก เท่านั้น

ของหวานแบบชาเขียวแท้

เมนูขนมหวานชาเขียวของเมืองอุจิจังหวัดเกียวโตถือว่าเป็นชาเขียวที่เป็นต้นตำหรับและอร่อยอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ดังนั้นใครก็ห้ามพลาดต้องมาลิ้มลองให้ได้ มีทั้งไอศกรีม วัฟเฟิล โมจิชาเขียว และอีกหลากหลายเมนูที่โอคซังก็ไม่รู้จักชื่อเหมือนกัน แต่ทุกเมนูหวานหอมอร่อยจริงๆ

ทานได้ในเวลาเช้า, เที่ยง, บ่าย 

ขนมหวานเกียวโตแท้ๆตามฤดูกาล

นอกจากชาเขียวที่สามารถหาทานได้ตลอดปีของเกียวโตแล้วยังมีขนมหวานตามฤดูกาลที่ห้ามพลาด ทานแล้วสามารถบอกต่อได้ชั่วลูกชั่วหลานว่ามาถึงเกียวโตในช่วงไหนได้ทานอะไร โดยในเกียวโตจะใส่ใจกับรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลสุดๆค่ะ เราจะสามารถเห็นขนมหวานของเกียวโตแต่ละร้านเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาในแต่ละฤดูทำให้เราไม่เบื่อและรู้สึกถึงฤดูกาลใหม่ๆอยู่เสมอ เรียกได้ว่าขนมหวานของเกียวโตช่วยชาร์ตพลังชีวิตได้ค่ะ

ทานได้ในเวลาบ่าย

โอคซังหวังว่าจะช่วยแก้ข้อสงสัยของเพื่อนๆหลายๆคนที่ถามกันมาบ่อบๆเหลือเกินว่าทานอะไรดีในเกียวโตกันได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ใครลองทานอะไรกันมาแล้วบ้างมาแชร์บอกกันได้นะคะ หากใครที่กำลังจะมาเที่ยวเกียวโตแล้วยังคิดเมนูอาหารมื้อค่ำไม่ออกแชร์บทความนี้เก็บกันไว้ได้เลย

แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้านะคะ มาตะเน้

COMMENTS