“นานๆทีเราจะได้เห็นวัดคิโยมิซุกันแบบเต็มๆตาไม่มีคนก็ครั้งนี้หล่ะนะ รีบๆเดินเลย” เสียงของคู่รักหนุ่มสาวข้างๆที่เพิ่งจะเดินสวนทางขึ้นไปยังตัววัด วัดคิโยมิซุเดระ หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อวัดน้ำใสได้มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมาทำให้หลายคนเมื่อมาเที่ยวยังวัดแห่งนี้ก็จะได้เก็บภาพบรรยากาศแบบอึมครึมมืดมนเต็มไปด้วยผ้าใบกลับบ้านกันไปแบบงามๆ แต่ครั้งนี้หลังจากที่บูรณะกลับมาแล้วทำให้หวนนึกถึงครั้งสมัยอดีตจริงๆค่ะ ด้วยความตื่นเต้นร้อนรนในความสวยด้วยกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นโบราณที่โอคเจอมาก็อดไม่ได้ที่ต้องพาทุกคนไปชมกับเราในวันนี้ค่ะ
วัดคิโยมิซุเป็นวัดที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆและเป็นจุดขายของเกียวโต ใครที่มาเที่ยวเกียวโตทั้งมาแบบเที่ยวส่วนตัวหรือมาเป็นกลุ่มทัวร์จะต้องเคยมาเยือนวัดแห่งนี้แน่นอนและเนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ทำให้หลายประเทศมีมาตรการปิดประเทศทำให้โอคซังได้มีโอกาสไปเก็บบรรยากาศมาให้ชมแบบทั่วถึงไร้ซึ่งผู้คนมีเพียงโอคและผู้อ่านเท่านั้นที่จะร่วมเดินทางไปกับเราในบทความนี้
ลานกว้างกลางวันที่เคยแน่นไปด้วยวันนี้เหลือเพียงบันไดว่างๆที่เราไม่ต้องแย่งหามุมถ่ายรูปกับใคร
แต่ความสวยก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง จะต้องลั่นชัตเตอร์ถ่ายสักรูปสองรูปให้ชื่นใจ
วิวที่มองจากด้านบนอาคารลงมายังถนนที่เคยคึกคักไปด้วยร้านรวงและผู้คนกลับเงียบไปเสียถนัดตา
ระเบียงKiyomizuกลับมาแล้ว
เริ่มที่ทางเข้ามีการจำหน่ายตั๋วในราคาคนละ400เยนเหมือนเช่นเคย คุณลุงคนขายตั๋วดูดีใจมากๆที่วันนี้มีนักท่องเที่ยวในประเทศแวะเวียนเข้ามาชมความงามของวัดที่เพิ่งบูรณะเสร็จหมาดๆ
เมื่อเดินผ่านทางเชื่อมไม้ที่ประกับด้วยโคมไฟฉลุลายอย่างปราณีตที่ไม่มีความแตกต่างไปจากเดิมเมื่อหลายปีก่อนที่เราเคยมาที่นี่เลย
ก่อนที่จะเจอเข้ากับโถงระเบียงขนาดใหญ่ที่เป็นจุดชมวิวอีกแห่งที่ขึ้นชื่อของที่นี่ ปีที่แล้วจำได้ว่ายังคลุมไปด้วยผ้าใบจนมืดสลัว
แต่วันนี้สว่างไปด้วยแสงจากแดนอาทิตย์อุทัยจนทำให้เห็นระเบียงไม้ที่กว้างเหมือนเคย ทำให้นึกย้อนไปสมัยสาวๆที่ยังเป็นนักศึกษาเดินทางมากับคณะอาจารย์ก็เคยมายืนอยู่ตรงนี้รายล้อมไปด้วยผู้คน และรุ่นพี่ชาวญี่ปุ่นคนที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้มาเป็นสามีก็เคยแอบจีบเราที่นี่มาก่อน วัดแห่งนี้คงจะเป็นที่แห่งความทรงจำของใครอีกหลายๆคนเหมือนกัน พอได้เห็นทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ก็ดีใจ ปลื้มอยู่ข้างในและอยากให้หลายๆคนมาเห็นแบบเดียวกัน
จุดขอพรความรักนี้ฉันจะต้องสมหวัง
ชื่นชมอยู่สักครู่ลองเดินเข้าไปดูโซนขอพรที่วัดภูมิใจนำเสนอ
ก้อนหินสองก้อนตั้งอยู่ห่างกันหลายเมตรที่มีความเชื่อว่าหากเราหลับตาจับก่อนหินก้อนหนึ่งและเดินตรงไปจับอีกก้อนหนึ่งได้ความรักของเราจะสมหวัง ตอนนั้นก็เคยทำแต่ก็ได้แรงเชียร์จากนักท่องเที่ยวรอบๆตัวด้วยกัน ในวันนี้คงต้องใช้สมาธิส่วนตัวตั้งมั่นและเดินไปให้ได้ แต่ระวังให้ดีอย่าไปสะกิดเข้ากับโต๊ะหมู่บูชาด้านข้างๆเข้าหล่ะ
ในโซนนี้ไม่ได้มีดีแค่ก่อนหินแห่งความรัก แต่ยังมีค้อนโชคลาภมี่ใครยกเขย่าจะได้โชคลาภตามใจปรารถนา
น้ำใสสามสายที่ต้องมีการตักดื่มวันนี้ของดื่มชั่วคราวแล้วยืนชมความงามก็เพียงพอ
แต่ใครที่ไม่ชอบไหว้ไม่เป็นไร ไม่เขย่าเสี่ยงโชคไม่เป็นไร ไม่ดื่มน้ำมนต์ก็ไม่เป็นไรแต่หากสนใจถ่ายรูปรอบๆนี้ก็สวยสะดุดตาอยู่นะ
คนในอดีตช่างมีสมองที่ปราชเปรื่องในการสร้างสรรค์วัดแห่งนี้ขึ้นมาได้ด้วยการสร้างฐานที่ไม่ตอกตะปูเลยสักดอก ฐานไม้ที่ขัดและรับน้ำหนักไว้อย่างดี สมบูรณ์แบบ จนไม่มีใครเลียนแบบได้นี่แหล่ะคือเสน่ห์ของวัดแห่งนี้
ฤดูกาลซากุระที่ผ่านมาอาจทำให้หลายคนพลาดโอกาสได้มาเที่ยวชมวัดน้ำใสเลื่องชื่อ แต่เชื่อเถอะวันหนึ่งวัดแห่งนี้จะกลับมาโด่งดังและสร้างควใามประทับให้กับอีกหลายๆคนเหมือนอย่างที่โอคดีใจทุกครั้งที่ได้มาชมที่แห่งนี้เช่นกัน
แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ มาตะเน้
COMMENTS