ไม่ว่าที่ไหนก็มีฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว โดยเฉพาะในตอนนี้ที่เมืองไทยเกิดวิกฤตเรื่องฝุ่นPM2.5แบบหนาถึงขั้นวิกฤต เมื่อเดือนที่ผ่านมาโอคซังก็เพิ่งกลับบ้านที่ราชบุรีมากลับได้ไม่ถึง2วันก็เกิดอาการหายใจไม่ออกคันคอ น้องสาวก็ป่วยจนเป็นไซนัสอักเสบ อุปกรณ์พื้นฐานที่เราควรต้องมีคงหนีไม่พ้นหน้ากากอนามัยค่ะ โอคซังไม่รู้ว่าที่ไทยมีขายมากมายขนาดไหนแต่ที่ญี่ปุ่นมีหลากหลายประเภทให้ซื้อ วันนี้โอคซังจะมาเปิดกรุรีวิวหน้ากากอนามัยญี่ปุ่นที่ทุกคนต้องมีต้องไปซื้อ เป็นของฝากก็ได้ ใช้เองก็ดี โอคซังซื้อกลับบ้านได้เพื่อนๆก็ซื้อไปได้เช่นกันค่ะ
ชมวีดีโอรีวิวหน้ากากอนามัย
จะรู้ได้ยังไงว่าหน้ากากอันไหนกันPM2.5?
การรีวิวนี้โอคซังไม่ได้เอาหน้ากากมาทดสอบกับฝุ่นควันอะไรแบบนั้นนะคะ แต่โอคซังอาศัยจากการอ่านจากที่ฉลากซองก็ถือตามที่เขาเขียนเอาไว้ค่ะโดยที่ซองในแต่ละซองจะมีเขียนไว้ด้านหน้าอย่างชัดเจนค่ะว่ากัน PM2.5 แต่ถ้าไม่ได้เขียนบอกไว้ก็สามารถดูได้จากรายละเอียดข้างซองดังนี้
ให้เพื่อนๆมองหาสัญลักษณ์ที่ระบุ4อย่างนี้ค่ะ BFE, PFE, VFEและ 花粉 ยิ่งถ้าบางซองที่มี nano (กันในระดับนาโน)แบบนี้ประสิทธิภาพยิ่งดีและราคาแพงขึ้นค่ะ แต่ไม่ว่าจะแพงขึ้นขนาดไหนก็สามารถซื้อได้ในราคาประหยัดค่ะ
PFE กรองจำพวกฝุ่นละอองทั่วไป
VFE กรองจำพวกไวรัส
花粉 กรองพวกเกสรดอกไม้ทั้งหลาย
ซึ่งเจ้าPM2.5จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าไวรัสVFE ดังนั้น ถ้าหน้ากากอนามัยรุ่นไหนกันVFEได้ก็เท่ากับว่ากัน PM2.5ได้ค่ะ
ดูไซส์หน้ากากที่เหมาะกับตัวเองยังไง
ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดที่เป็นเอกลักษณ์ของวิถีแบบญี่ปุ่นทำให้หน้ากากอนามัยญี่ปุ่นถูกออกแบบมาหลากหลายแบบ มีหลายไซส์ แต่ส่วนใหญ่ที่เราเห็นขายในร้านขายยาญี่ปุ่น(Drugstore)จะมี 2แบบคือสำหรับเด็ก และสำหรับผู้ใหญ่ ที่มีความแตกต่างกันมาก ซื้อมาผิดใส่ไม่สบายนะคะ มีวิธีสังเกตดังนี้ค่ะ
ตัวอย่างหน้ากากอนามัยของผู้ใหญ่ค่ะ
ตัวอย่างหน้ากากอนามัยของเด็กค่ะเขียนไว้ชัดเจนว่า S 小さめค่ะ
หน้ากากอนามัยญี่ปุ่นแบบทั่วไป
หน้ากากอนามัยของญี่ปุ่นแบบทั่วไปที่เราเห็นคนในเมืองใหญ่ใส่กันเดินถ้วนหน้าเหมือนเป็นหน้ากากอนามัยแบบธรรมดาใช่ไหมคะ แต่จริงๆแล้วหน้ากากอนามัยที่นี่ยังมีการออกแบบใส่ฟังชั่นเพิ่มที่เป็นจุดขายของแต่ละบริษัทเอาไว้เยอะเหมือนกันค่ะ ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปตามฟังชั่นที่มีเพิ่มเข้ามาค่ะ
หน้ากากอนามัยทั่วไปเหมาะกับทุกคน
หน้ากากอนามัยรุ่นนี้หาซื้อได้ง่ายมีทั่วไปในร้านขายยารุ่นที่โอคซังอยากแนะนำคือรุ่นด้านล่างนี้ค่ะเหมาะสำหรับทุกคน
เคยไหมค่ะที่ใส่หน้ากากอนามัยแล้วเจ็บหูเมื่อยหูสุดๆปัญหานั้นจะหมดไปค่ะ หน้ากากรุ่นนี้มีฟังชั่นที่สายคล้องหูที่มีความนุ่มใส่แล้วไม่เจ็บค่ะ ด้านซ้ายซองสีน้ำเงินเข้มมี7ชิ้นเป็นสีธรรมดา ส่วนด้านขวาซองสีฟ้าอ่อนตัวหน้ากากเป้นสีขาวจั๊วะใส่แล้วขาวเป็นยองใยมี5ชิ้น ราคาทั้งสองแพคเท่ากันที่ประมาณ 120บาทค่ะ
หน้ากากอนามัยที่เหมาะกับคนหายใจอึดอัด
บางคนใส่หน้ากากอนามัยได้ไม่นานจะร้อนหายใจไม่ออกจึงมีหน้ากากอนามัยที่ทำช่องว่างด้านหน้าให้หายใจสะดวกมากขึ้น
ถ้าเพื่อนๆสังเกตรูปที่ซองดีๆหน้ากากรุ่นนี้จะมีแกนเหล็ก 2 แกนคือช่วงดั้งจมูกและช่วงช่องว่างตรงเหนือปาก ถ้าเราปรับเหล็กแกนตรงปากนี้ให้พองออกจำเพิ่มช่องว่างด้านในมากขึ้นค่ะทำให้หายใจไม่อึดอัดเพิ่มค่ะ และรุ่นนี้ดีอีกอย่างคือสายคล้องหูมีความนุ่มนิ่มไม่เจ็บหูค่ะ
หน้ากากอนามัยที่เหมาะกับสาวๆที่ใส่แว่นหรือแต่งหน้า
คนที่ใส่แว่นจะต้องเกิดปัญหานี้กันมาก่อนแน่ๆค่ะคือเวลาที่เราหน้ากากอนามัยแว่นตาของเราชอบเกิดฝ้าเพราะอากาศตีขึ้นมาที่ตา หรือสาวๆที่แต่งหน้าทาลิปแล้วใส่หน้ากากอนามัยทำให้ลิปเปื้อนติดอยู่ที่หน้ากาก
ทางญี่ปุ่นจึงออกแบบหน้ากากแบบที่มีแท่งโฟมหนาๆรองที่ดั้งจมูกให้ค่ะ พอใส่เข้าไปแล้วหน้ากากแบบนี้จะตั้งและโปร่งออกทำให้เกิดช่องว่างด้านในหน้ากากไม่สัมผัสโดนปากของเราค่ะ ตอนแรกที่โอคซังซื้อหน้ากากรุ่นนี้มาเพราะคิดว่าจะเอามาไว้ใส่แล้วแว่นไม่มัวแต่กลายเป็นว่าใส่ตอนแต่งหน้าก็ดีมากๆ เป็นหน้ากากอนามัยที่ Must have ค่ะ
หน้ากากอนามัยแบบนาโน (Nano)
บางคนที่ยังไม่เชื่อถือในหน้ากากอนามัยแบบทั่วไปที่โอคซังแนะนำไว้แล้วด้านบนโอคซังแนะนำสิ่งนี้ค่ะ
หน้ากากอนามัยแบบเส้นใยป้องกันได้ถึงระดับนาโน หน้ากากแบบนี้กันแบบทุกทางมีความละเอียดสูงมาก แถมรุ่นที่โอคซังซื้อมาอันนี้มีแผ่นเล็กๆกันอากาศไว้ด้านข้างๆแก้มกับตรงใต้คอด้วยสุดๆไปเลย ชิ้นนี้โอคซังก็ปลื้มค่ะใส่แล้วรู้สึกว่ากันได้ดีมากไม่ใช่แค่แปะปิดตรงจมูกแต่ครอบไว้ทุกส่วนที่หายใจ
หน้ากากอนามัยแบบกล่องต่างจากแบบธรรมดาอย่างไร
หน้ากากอนามัยของญี่ปุ่นแบบกล่องไม่ต่างจากแบบธรรมซองค่ะ แต่ถ้าซื้อยกกล่องจะได้ราคาที่ถูกกว่าแบบซองมากๆ
ตัวอย่างเช่นที่โอคซังซื้อมาค่ะ สองแบบนี้คือยี่ห้อSelectเดียวกัน แบบกล่อง100ชิ้นราคาประมาณ400บาท ส่วนแบบซอง30ชิ้นประมาณ 300 บาท ราคาต่างกันไม่เยอะ แบบซองที่เขียนบอกไว้ว่าพรีเมี่ยม(ราคาก็สูงกว่าก็ไม่แปลก) แต่เมื่อโอคซังลองแกะออกมาใช้ดูแล้วไม่มีความแตกต่างกันใดๆทั้งสิ้นเลย จะบอกว่าแบบถูกกว่ากัน PM 2.5 ไม่ได้ก็ไม่ใช่นะคะ เพราะรายละเอียดฟังชั่นเหมือนกันเปี๊ยบค่ะ
สเปย์กัน PM2.5คืออะไร
โอคซังก็ยังงงอยู่ค่ะว่าเจ้าสเปย์นี้คืออะไรกันแน่ อย่างนี้โอคซังได้อธิบายไว้ในตอนต้นว่าหน้ากากอนามัยที่กันไวรัสได้ก็เท่ากับว่ากัน PM2.5 ได้เช่นกัน
แต่เดี๋ยวนะคะในฉลากอันนี้เขาเคลมว่าเป็นสเปย์ที่ใช้พลังอิออนในการบล็อกไวรัส สามารถฉีดหน้าฉีดตัวได้หมด และยังฉีดทับเครื่องสำอางค์ได้อีกด้วย แต่ด้วยการที่เราเป็นมนุษย์ยังไงเราก็ต้องหายใจเข้าออกคงหนีไม่พ้นการที่ต้องหายใจเอาPM2.5เข้าร่างกายหรอกค่ะ ดังนั้นโอคซังคิดว่าสเปย์นี้น่าจะเหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้ขั้นวิกฤต หรือผิวหนังอ่อนแอมากเวลาที่เจอฝุ่นละอองก็จะมีอาการผื่นคันแบบนั้นค่ะซึ่งถ้าใครที่ตามข่าวญี่ปุ่นกันดีๆคนญี่ปุ่นเกือบ80-90%หรือชาวต่างชาติที่มาอยู่ญี่ปุ่น 6ปีขึ้นไปจะมีอาการแพ้เกสรดอกไม้ในระดับแพ้รุนแรงมีอาการคัน ผิวมีผื่นแดง แสบตา คันตา น้ำตาไหล บางรายอาการหนักจนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจึงจะเห็นคนญี่ปุ่นใส่หน้ากากอนามัยกันเยอะกว่าปกติค่ะ ดังนั้นสำหรับการเอามาใช้ที่ไทยเพื่อกัน PM2.5 โอคซังจึงคิดว่ายังไม่จำเป็นเท่าไรค่ะ
ขวดสีชมพูอันนี้ก็เช่นกันค่ะ เป็นแบบใช้พลังอิออนในการบล๊อก ไวรัส เกสรดอกไม้และ PM2.5
สเปย์ฉีดหน้ากากอนามัยกัน PM2.5
สิ่งนี้ก็เป้นอีกสิ่งที่โอคซังอยากขอแนะนำ ซึ่งโอคซังเองก็ไม่รู้นะคะว่าใช้ได้ผลขนาดไหน แต่ใครที่ต้องการการป้องกันที่เพิ่มประสิทธิภาพให้หน้ากากอนามัยมากขึ้นโอคซังแนะนำสเปย์ฉีดหน้ากากไปเลย ฉีดตรงจุดป้องกันPM2.5ให้มากขึ้น
โดยสเปย์นี้เขาไม่ได้เขียนบอกไว้ว่ากันPM2.5 แต่โอคซังสังเกตจากขวดที่เขียนไว้ว่าช่วยให้หน้ากากกันไวรัสค่ะ ฉีดเคลือบหน้ากากไว้เลยสบายใจค่ะ
ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นก็อย่าลืมซื้อหน้ากากอนามัยหรือสเปย์ที่จำเป็นกลับเมืองไทยกันนะคะ โอคซังเชื่อในคุณภาพหน้ากากอนามัยของญี่ปุ่นมากๆค่ะ ใช้แล้วไม่เคยผิดหวัง
แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้านะคะ
มาตะเน้
COMMENTS