5ขั้นตอนขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรก กระชับเข้าใจง่าย

“เมื่อพูดถึงการขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรกนั้น มีความตื่นเต้นแบบสุดๆ ไม่รู้จะไปทางไหนดีและยิ่งต้องเดินทางไปคนเดียวอีกยิ่งกังวลไปใหญ่กลับจะหลงทางกลัวหาประตูขึ้นเครื่องบินไม่เจอกลัวคุยกับตม.ไม่รู้เรื่อง ดังนั้นวันนี้โอคซังจึงมาแนะนำการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของมือใหม่สุดๆกันค่ะ แล้วทุกคนจะรู้ว่ามไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะคะ”

1.เตรียมตัวก่อนไปสนามบิน

ควรไปก่อนเวลาเครื่องออก 2ชม.  เพราะท่านต้องใช้เวลาในหลายขั้นตอนอยู่ในสนามบิน หรือในกรณีที่คนเยอะมากอย่างเช่นตอนเชคสัมภาระหรือตรวจพาสปอร์ตอาจทำให้เราตกเครื่องแบบน้ำตานองได้เลยทีเดียว

.เชคเอกสารสำคัญที่ควรนำติดตัวไปด้วย เช่น พาสปอร์ต กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์ เอกสารข้อมูลการจองที่พักโรงแรม เอกสารแผนการเที่ยว(เผื่อทางตรวจคนเข้าเมืองประเทศนั้นๆถามนะเจ้าคะ) และปริ้นข้อมูลการจองตั๋วเครื่องบินไว้ในกระดาษ หรือจะเซฟหน้าจอการจองในมือถือไว้ก็ได้กันลืมแบบหายห่วง

ควรเตรียมยาแก้เมา ปากกา และหมากฝรั่งไว้ด้วย เพราะขณะเครื่องทำการไต่ระดับขึ้นนั้น ความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลงอาจทำให้รู้สึกหูอื้อขึ้นมาได้นั่นเอง เราจึงต้องเคี้ยวหมากฝรั่งเอาไว้ และในขณะเดินทางหากอยากพักผ่อน โอคซังแนะนำให้ทานยาแก้เมาได้เลยค่ะ จะหลับสนิทตลอดการเดินทางอย่างแน่นอน ส่วนปากกาเอาไว้กรอกข้อมูลเอกสารต่างๆค่ะ

2.เมื่อถึงที่สนามบินแล้ว

JAL Business ตั๋ว

ไปที่เคาน์เตอร์เชคอิน

เมื่อเข้าสู่ตัวสนามบินอย่าได้ตะหนกตกใจกับเคาน์เตอร์ที่เรียงรายอยู่มากมาย ให้เรามองหาเคาน์เตอร์ตามสายการบินที่เราได้ทำการจองมาค่ะ ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนให้เดินหาเคาน์เตอร์สำหรับสอบถามข้อมูลได้เลยค่ะ เจ้าหน้าที่จะสามารถบอกเราได้อย่างรวดเร็วว่าเคาน์เตอร์นั้นอยู่ตรงไหน

ทำการเชคอิน

เมื่อเรารู้ว่าสายการบินที่เราจองมานั้นอยู่ตรงไหนแล้ว ให้ต่อแถวตามประเภทตั๋วที่จองมาไม่ว่าจะเป็น First class ,business class หรือEconomy เมื่อถึงคิวของเราแล้วแสดงหลักฐานการจองตั๋ว และพาสปอร์ตแก่พนักงาน พร้อมกับวางกระเป๋าที่เราจะให้เอาโหลดไว้ใต้เครื่องบนพื้นที่ว่างด้านข้างของเคาน์เตอร์จะเป็นเหมือนสายพานย่อมๆ พนักงานจะทำรายการของเราและให้ตั๋วเครื่องบิน และใบขาออกมาค่ะ(กรอกข้อมูลให้เรียบร้อย)

เดินไปที่จุดตรวจสอบพาสปอร์ต (Passport control)

ซึ่งขั้นตอนนี้ญาติพี่น้องหรือเพื่อนๆจะไม่สามารถเข้าไปกับเราได้แล้วค่ะ มีจุดสังเกตคือให้เรามองหาคำว่า “เที่ยวบินขาออก หรือผู้โดยสารขาออก หรือ Departure” ให้เราขึ้นบันไดเลื่อนหรือเข้าประตูที่มีคำพวกนี้ค่ะ และเทคนิคที่สำคัญตรงนี้ที่จะช่วยให้มือใหม่หัดขึ้นเครื่องผ่านไปแบบฉลุยคือ ไหลตามคนอื่นค่ะ

เมื่อเข้าไปถึงด้านในแล้วจะต้องต่อแถวเพื่อตรวจสอบสัมภาระที่เราจะเอาขึ้นเครื่อง โดยต้องไม่มีสิ่งของต้องห้ามต่างๆถ้าใครพกมาอาจต้องมีการนำออก ใครที่ใส่เข็มขัดมาด้วยให้ถอดออกเตรียมไว้เลยค่ะเพื่อเอาเข้าเครื่องสแกนด้วยค่ะ นำสิ่งของทุกอย่างใส่ในตะกร้าให้หมดค่ะ รวมถึงพวกกระเป๋าเงิน กล้อง มือถือ และเสื้อโค้ดด้วยนะคะแล้วเดินเข้าเครื่องสแกนเลย เมื่อผ่านเครื่องสแกนแล้วก็หยิบตะกร้าของเราและจัดการจัดของๆตัวเองให้เรียบร้อย

เมื่อเสร็จแล้วก็เดินไปจุดตรวจพาสปอร์ตซึ่งจะเป็นทางบังคับเดินไม่หลงแน่นอนซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการแยกแถวเป็น2 ฝั่งคือ สำหรับคนในประเทศนั้นๆ กับชาวต่างชาติ ให้เราเดินไปตามป้ายลูกศรที่บอกไว้ว่าสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตไทยได้เลยค่ะ ทำการต่อแถวค่ะแล้วแสดงพาสปอร์ตกับตั๋วของเราค่ะ

เดินหาจุดขึ้นเครื่องของเรา

เมื่อผ่านการตรวจพาสปอร์ตทุกอย่างแล้ว ให้เดินตามไปเลยค่ะ จะเป็นทางบังคับมีอยู่ทางเดียว จนเราจะออกมาเจอโซนดิวตี้ฟรี แต่อย่าเพิ่งตื่นเต้นแล้วซื้อของจนเลยเวลาขึ้นเครื่องนะคะ ให้เรามองหาป้ายที่บอกทางไปหมายเลข Gate ของเรา โดยให้เราอิงจากตั๋วเครื่องบินในมือของเรา มือใหม่ที่เพิ่งเคยขึ้นเครื่องบินครั้งแรกแอดแนะนำให้ตามหา Gateของเราให้เจอก่อน แล้วถ้าเวลามีเหลือพอค่อยมาเดินช้อปปิ้งค่ะ

ขึ้นเครื่องJAL

นั่งรอเวลาเรียกขึ้นเครื่อง เมื่อเจอGate ของเราแล้ว และช้อปปิ้งเสร็จแล้ว ให้นั่งรอประกาศเรียกขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ นั่งใกล้ๆกับGateของเรานะคะ เพื่อความสะดวกต่อการได้ยินนั่นเอง

(สำหรับคนที่ซื้อตั๋วชั้น First Class , Business Class หรือสมาชิก Gold memberต่างๆ จะสามารถใช้ห้องรับรองได้ค่ะถ้าสงสัยว่า สมาชิกพิเศษเหล่านี้คืออะไร คลิ้กตรงนี้>> Gold member<<เลยค่ะโอคซังเคยเขียนไว้แล้วค่ะ )

Gate D7

3.ขึ้นเครื่อง สำรวจที่นั่งตามประเภทตั๋วที่เราซื้อมา

รีวิวการบินไทยA380 ชั้นประหยัด

เมื่อเราขึ้นเครื่องแล้วให้เราเดินหาที่นั่งตามตั๋วของเราเลยค่ะโดนปกติแล้วพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะยืนประกบอยู่ที่หน้าประตูเครื่องเพื่อบอกเราว่าต้องเดินเข้าช่องไหนและถ้าหาที่นั่งของเราไม่เจอสามารถถามพนักงานได้เลยค่ะไม่ต้องเขิลอายนะคะ แล้วเมื่อถึงที่นั่งของเราแล้วให้นำสัมภาระของเราใส่ไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะของเราค่ะ โดยห้ามลืมปากกากับพาสปอร์ตเด็ดขาดนะคะเพราะเราอาจจะต้องใช้สำหรับเขียนใบขาเข้าในประเทศที่ต้องไปตอนเครื่องทำการบินไปแล้วค่ะ สำหรับมือใหม่สุดๆจะแนะนำอุปกรณ์ต่างๆบนเครื่องบินที่ผู้โดยสารควรทราบให้เห็นกันไปเลย

ที่นั่ง

ที่นั่งของเราจะสามารถปรับระดับได้เอนจนนอนสบายก็ทำได้ค่ะ (ในกรณีที่ที่นั่งของเราด้านหลังไม่มีผู้โดยสารคนอื่นอยู่ค่ะ แต่ถ้ามีควรเกรงใจไม่ปรับเอนลงเยอะนะเจ้าคะ) ในบางสายการบินจะมีผ้าห่มบริการฟรีอีกด้วยค่ะ

Economy Seat JAL

เข็มขัด ให้รัดไว้ตลอดการเดินทางที่เรานั่งอยู่ที่ที่นั่งของเรา เพื่อความปลอดภัยค่ะ

โต๊ะอเนกประสงค์ โดยปกติโต๊ะจะอยู่ด้านหน้าโดยมีสลักติดอยู่ ถ้าเราต้องการใช้เช่น ตอนทานข้าว วางแก้วน้ำหรืออยากใช้วางหนังสือเพื่ออ่านให้เลื่อนสลักออกแล้วกางโต๊ะลงมาค่ะ

อาหารรองท้องบนเครื่อง การบินไทย

จอภาพด้านหน้า สามารถฟังเพลงดูหนังได้ครบค่ะ โดยจะมีหูฟังคู่กันอยุ่ในกระเป๋าตะข่ายด้านหน้านะคะ

รีวิว Economy Thai Airways

อุปกรณ์ฉุกเฉินจะอยู่ในที่ต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ข้างใต้ของที่นั่งของเราค่ะ ซึ่งจะมีวิธีสาธิตการใช้งานก่อนขึ้นเครื่องอยู๋แล้วให้ตั้งใจฟังกันให้ดีนะเจ้าคะ

ห้องน้ำ การใช้ห้องน้ำ ถ้าใครยังไม่เคยขึ้นเครื่องบินอาจจะงงมากๆกับหน้าตาของประตูห้องน้ำบนเครื่องบินเพราะโอคซังก็เคยเป็นเช่นกันยืนงงๆอยู่หน้าประตูจนคนแถวนั้นต้องมาช่วยเปิดให้ ประตูห้องน้ำบนเครื่องใช้วิธีการผลักจากตรงกลางประตูเลยค่ะ ประตูจะพับตามที่เราผลักออก พอเข้าแล้วก็ปิดและอย่าลืมล้อคนะเจ้าคะ วิธีสังเกตว่าห้องน้ำว่างหรือไม่ให้สังเกตจากไฟเหนือประตูหน้าห้องน้ำถ้าขึ้นสีเขียวแสดงว่าว่างใช้ได้ แต่ถ้าเป็นสีแดงแสดงว่ามีคนใช้ห้องน้ำอยู่ค่ะ

อาหาร และเครื่องดื่ม ในแต่ละสายการบินที่เราขึ้นปกติจะมีเมนูมาให้เลือก 2เมนูค่ะเลือกได้ตามที่เราอยากทานเลยค่ะ

อาหาร ชั้นประหยัด การบินไทย

ใบขาเข้าของประเทศปลายทาง อย่าลืมเขียนใบขาเข้าของประเทศนั้นๆด้วยค่ะ โดยพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะเดินมาแจกให้ก่อนเครื่องจะลงจอดค่ะ กรอกข้อมูลให้เรียบร้อยโดยหยิบปากกาที่เราเตรียมไว้แล้ว ตรงนี้ต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษนะคะ โดยหลักๆคือเขียนข้อมูลส่วนตัวเราเองค่ะ

ตัวอย่างในภาพเป็นใบขาเข้าของประเทศญี่ปุ่นค่ะ

4.เครื่องลงจอดหมายปลายทาง

เมื่อเครื่องทำการลงจอดแล้วให้เราหยิบสัมภาระของเราต่างๆที่ช่องเหนือศีรษะ แล้วเดินออกจากเครื่องได้เลย
จา โอคซัง
จา โอคซัง

ถ้าใครไม่รู้ว่าต้องไปทางไหนให้เดินตามผู้โดยสารคนอื่นๆไปค่ะอันนี้เป็นเทคนิคที่โอคซังใช้ประจำค่ะ

บางสนามบินเราอาจจะเดินตามทางงวงช้าง(ทางเชื่อมประตูเครื่องบินเข้าสู่ตัวสนามบิน)หรือบางสนามบินต้องเดินออกมาจากเครื่องแล้วต่อรถบัสเข้าสนามบินแล้วแต่สนามบินแล้วแต่กรณีไปค่ะ

เมื่อเข้ามาในตัวอาคารสนามบินนี้ให้มองตามป้าย “Arrival” แต่ถ้าใครที่ต้องทำการต่อเครื่องไปประเทศอื่นให้มองหาป้ายคำว่า “Tranfers” ซึ่งคนส่วนใหญ่จะเดินไปที่ Arrival กันค่ะ

เราจะเจอกับจุดตรวจพาสฟอร์ต Immigration ที่ทุกคนจะต้องผ่านเพราะเปรียบเสมือนการสแกนคนเข้าประเทศ เราต้องไปในช่องของต่างชาติ Foreignerให้เราเอาพาสฟอร์ต ใบขาเข้าประเทศยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ได้เลย ใช้เวลาไม่นานก็ได้รับพาสปอร์ตคืนพร้อมกับประทับตราสแตมป์เข้าประเทศลงในพาสปอร์ตของเรา

5.เข้าประเทศนั้นๆ

ผ่านการตรวจพาสปอร์ตมาแล้วยังไม่จบเพียงเท่านี้ เราต้องไปรับกระเป๋าที่สายพาน(ถ้าไม่รู้ว่ากระเป๋าอยู่ตรงไหนสามารถเชคดูได้จากบอร์ดประกาศใกล้ๆแถวๆหน้าสายพานนี้หล่ะ)

ข้อควรระวัง หลายประเทศมีกฎหมายห้ามถ่ายภาพหรือบันทึกวีดีโอบริเวณสายพานกระเป๋าเด็ดขาดนะคะ หลายคนไม่ทราบโดนจับกันมาหลายคน ระวังกันให้ดีๆนะคะ
เมื่อรับกระเป๋ามาแล้วก่อนออกจากสนามบินจะเจอกับเคาน์เตอร์ custom  ด่านสุดท้าย ที่เชคเรื่องสัมภาระของเราว่าเรามีของต้องห้ามอะไรหรือไม่ ดังนั้นก่อนการเดินทางทุกครั้งควรเชคกันมาให้ดีก่อนนะคะว่าประเทศนั้นๆห้ามนำเข้าอะไรบ้างในแต่ละประเทศจะห้ามไม่เหมือนกัน ถ้าไม่รู้จริงๆลองโทรถามทางสายการบินหรือสถานฑูตประเทศนั้นๆก่อนนะคะ ผ่านตรงนี้แล้วเราก็เดินเข้าประเทศปลายทางได้แบบสบายๆไปเลย
บทความนี้เป็นบทความแนะนำแบบง่ายๆ สำหรับมือใหม่ที่หัดขึ้นเครื่องบินครั้งแรกแต่ไม่รู้จะถามใคร เพราะโอคซังก็เคยเป็นมาก่อน หวังว่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านนะคะ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมถามกันเข้ามาได้เลยนะคะพร้อมให้คำแนะนำได้เสมอเลยค่ะ
แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้านะคะ
มาตะเน้

COMMENTS