ฉันกับ”ญี่ปุ่นในเวลาที่หยุดเดิน”

เที่ยวป่าไผ่

ภาพป่าไผ่เกียวโต วันที่5 พฤษภาคม 2020

เมื่อเราไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

เคยไหม อยากให้ที่เที่ยวมีวิวสวยๆมองแล้วเพลินตาเหมือนรูปภาพที่แชร์กันโซเซี่ยล แต่สุดท้ายความจริงกับภาพถ่ายต่างกันสิ้นเชิง

เคยไหม อยากให้เสียงจอแจตลาดแตกหายไป แต่ก็ห้ามไม่ได้เสียงโช้งเช้งยิ่งกว่าฉากตบกันของละครหลังข่าว

เคยไหม ไม่อยากเดินเบียดชนไหล่กับใครแต่ที่ไหนฮิตๆเราไปคนอื่นก็ไปเหมือนกัน (ก็ใครๆก็อยากไปทั้งนั้น)

เคยไหม อยากให้ที่เที่ยวนั้นมีเพียงเรา ซึ่งในความเป็นจริงทำแบบนั้นไม่ได้

เมษายนเดือนแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในญี่ปุ่นกำลังวนกลับมาเริ่มขึ้นอีกครั้งท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ไม่ปกติ หากย้อนไปในวันนี้ของปีที่แล้วตัวเราเองกำลังอยู่ที่ไทยในช่วงกลับไปเยี่ยมบ้านทำการกักตัวเองในบ้านในขณะที่ไทยยังไม่มีมาตรการคุมเข้มสุดๆเหมือนอย่างวันนี้ ผ่านมา1ปีแล้วนะแต่ทุกอย่างดูแย่ลงกว่าวันนั้นมากหลายเท่า

 

โอคซังใช้ชีวิตในเกียวโตที่เคยแน่นไปด้วยชาวต่างชาติมากกว่าชาวญี่ปุ่น จนเพื่อนร่วมงานบ่นโอดโอยว่าจะเที่ยวทั้งทีแต่ก็ไม่มีที่ให้ยืนในรถบัส เคยนะคะที่มีความคิดว่า หากสถานการณ์ความวุ่นวายหายไปเกียวโตกลับมาสุขสงบเหมือนเมื่อหลายปีก่อนก็คงดี แต่แล้วก็เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่เกิดขึ้น หากไม่ใช่แค่เกียวโตที่กลับมาสงบแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกที่ สงบ เงียบ แต่ไม่สุขอย่างที่หวัง และแน่นอนค่ะมันส่งผลต่อสภาพจิตใจมากๆ

คนที่ชอบเที่ยวไม่ว่าจะเที่ยวคนเดียว เที่ยวเป็นกลุ่ม ครอบครัว หรือเป็นคู่ย่อมเก็บเกี่ยวความรู้สึกและความทรงจำระหว่างทางกันทั้งนั้นโอคซังเองก็เช่นกัน เราจะได้รู้จักและพบเพื่อนใหม่มากมายโดยเฉพาะแถวๆสถานีรถไฟ ป้ายบัส หรือบนรถเมล์ มีหลายครั้งที่ได้เพื่อนใหม่ชาวต่างชาติจากเพียงเพราะถามการเดินทางจากคนแปลกหน้าบนรถแล้วแลกข้อมูลติดต่อกัน

วันนี้ภาพการเดินทางเก็บเกี่ยวเวลาความทรงจำดีๆมากมายระหว่างทางสนุกๆแบบนั้นได้หายไปแล้ว แม้แต่การออกข้างนอกบ้านเพื่อใช้ชีวิตประจำวันก็เป็นเรื่องน่ากลัวและอันตราย

ความช่วยเหลือที่ได้รับ

ในช่วงแรกที่เกิดการระบาดหนักในญี่ปุ่นยังไม่มีใครรู้จักโรคนี้ดีพอ ทางญี่ปุ่นได้ใช้มาตรการจัดการพื้นฐานที่ช้ากว่าประเทศอื่นหลายเท่า เกิดปัญหาหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ขาดแคลนอย่างหนัก คนแห่ซื้อตุนกันไว้มากมาย ปรับเวลาให้ทำงานน้อยลง เปลี่ยนเวลาการเปิดปิดร้านค้าและบริการต่างๆให้สั้นลง ส่งผลต่อภาพรวมเศรษกิจของประเทศ หลายบริษัทรอด หลายบริษัทปิดตัวลงกันมากมาย แต่ด้วยทางรัฐบาลญี่ปุ่นมีมาตรการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจต่างๆไว้ด้วยผลกระทบถึงขั้นล้มละลายจึงมีน้อยมาก สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆก็ได้รับการช่วยเหลือที่การรับเงิน 100,000เยนต่อคนโดยไม่กำจัดอายุ เพศ หรือเชื้อชาติ เพียงแค่เป็นผู้อยู่อาศัยในญี่ปุ่นอย่างถูกกฏหมายก็รับกันทันที โอคซังก็เป็นหนึ่งคนที่ได้รับสิทธิ์นั้นค่ะ แล้วใช้ได้นานแค่ไหน? ค่าเช่าบ้านราคากลางๆส่วนใหญ่ราคาแตะที่50,000เยนขึ้นไป อย่างน้อยก็ได้ค่าเช่าบ้าน2เดือนหล่ะนะ เดือนอื่นค่อยหาทางกันอีกที

 

หลังจากที่มีมาตรการแจกเงินแล้ว ก็มีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเข้ามาทันทีเพื่อให้คนนำเงินออกมาใช้แบบเพลงสมัยเด็กๆที่เราได้ยินกัน “เงินกำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป ให้ชุมชน”อะไรประมาณนั้น ส่งผลให้คนญี่ปุ่นหลั่งไหลกันออกมาเที่ยวแบบแน่นกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า(ออกข่าวทีวีกันครึมโครม อย่าดูถูกพลังความอยากเที่ยวของชาวญี่ปุ่นค่ะ) โดยเฉพาะจังหวัดเกียวโตแน่นจนตกใจค่ะ

คนญี่ปุ่น

ภาพย่านท่องเที่ยวย่านวัดน้ำใส วันที่25ตุลาคม 2020

อย่างที่หลายคนในญี่ปุ่นเข้าใจกันดีว่า “การ อดตาย มันน่ากลัวกว่าตายด้วยโรคระบาดค่ะ” โดยเฉพาะกับประเทศที่ติดอันดับคนฆ่าตัวตายรายวันที่มากกว่าตายด้วยโรคระบาดอย่างญี่ปุ่น

จำนวนคนป่วยเพิ่มขึ้นในทุกวันอย่างหยุดไม่อยู่ จนช่วงปีใหม่ที่ผ่านมามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวก็ถูกระงับลงจากการเรียกร้องจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะทีมแพทย์และโรงพยาบาลต่างๆที่ไม่สามารถรับผู้ป่วยได้อีกต่อไปแล้ว

 

โอคซังเองทำงานพาร์ททามส่วนของงานโรงแรมที่ได้รับผลกระทบเต็มๆยอดจองห้องพักเหลือไม่ถึง10%แต่ทางบริษัทก็ไม่ตัดทรัพยากรคนออก (เห็นมีรับใหม่เข้ามาเรื่อยๆเลย)แต่ใช้วิธีจัดการที่ให้ทำงานในเวลาที่น้อยลงวันไหนที่ไม่ได้ทำงานจะจ่ายเงินให้ครึ่งนึงในวันนั้นแบบฟรีๆตามตารางงาน

ส่วนคุณสามีญี่ปุ่น ที่ทำงานเป็นอาจารย์และนักวิจัย ได้รับผลกระทบเช่นกันเพราะงานบางอย่างไม่สามารถดำเนินต่อได้เพราะเดินทางข้ามประเทศไม่ได้อย่างหวังรายได้ในครอบครัวลดลง ต้องปรับเปลี่ยนวิธีสอนนักศึกษาหันมาใช้ระบบการสอนและการสอบแบบออนไลน์ทั้งหมด ชีวิตประจำวันและการทำงานของเราได้ปรับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงที่มาพร้อมๆกับความเครียด

 

จนในวันนี้ข่าวดีที่จะได้รับวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายน 2021 ก็ทำให้หลายคนคลายความกังวลชีวิตกลับมามีแสงแห่งความหวังมากขึ้น โอคเชื่อว่า “เวลาที่ขาดหายไปจะสร้างให้เราแข็งแกร่งขึ้น ถ้าเราเป็นคนถือนาฬิกาของตัวเอง”

 

เวลานี้หลายครอบครัวสูญเสียคนรัก พี่ น้อง พ่อ แม่ หลายครอบครัวตกงาน หลายครอบครัวลำบากไร้ที่พึ่ง ทั้งพี่น้องชาวไทยหรือแม้แต่คนญี่ปุ่นก็สูญเสียไม่แพ้กัน โอคซังขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียทุกท่านและขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ต้องเจอกับปัญหาต่างๆนะคะ เราจะผ่านเรื่องราวเลวร้ายนี้ไปด้วยกันค่ะ

 

โอคซังหวังว่าจะได้กลับมาเปิดหน้ากากอนามัย ได้เห็นรอยยิ้มของหลายๆคนในไม่ช้าค่ะ

แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้านะคะ

มาตะเน้

COMMENTS